สถานการณ์สงครามรัสเซีย – ยูเครน ยืดเยื้อกว่าที่คิด มาตรการคว่ำบาตรซื้อพลังงานจากรัสเซียเหมือนจะไม่ได้ผล และหลายประเทศเริ่มระส่ำกับปัญหาการขาดแคลนพลังงานเข้าแล้ว ทำให้หลายประเทศเริ่มมองหาพลังงานส่วนอื่นแทน ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ ลม น้ำ แต่พลังงานเหล่านี้มีข้อจำกัด จากเรื่องของฤดูกาลสภาพอากาศที่อาจไม่เอื้ออำนวยต่อการผลิตพลังงานกระแสไฟฟ้า ส่วนประเทศที่มีโรงงานผลิตไฟฟ้าถ่านหินก็เริ่มผ่อนปรน หรือมีการแก้ไขนโยบายในการเปิดโรงงานขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อเป็นการพลิกฟื้นสถานการณ์ภายในประเทศ
ประเทศไทยเองก็ยังถือว่ามีโชคดีที่โรงไฟฟ้าที่ใช้ฟอสซิลเป็นเชื้อเพลิงโดย กฟผ. ยังสามารถ เปิดดำเนินการได้ จึงทำให้เรายังสามารถประคับประคองประเทศต่อไปได้ โดยที่ยังไม่ต้องถึงขั้นประกาศให้มีการหยุดใช้พลังงาน อย่างเช่นศรีลังกา หรือประเทศใหญ่อย่างออสเตรเลียก็สาหัสเช่นกัน ถึงขั้นที่กลุ่มผู้ดำเนินการตลาดพลังงานออสเตรเลีย (AEMO) ได้ประกาศพักการซื้อขายในตลาดพลังงานไฟฟ้าซื้อขายทันที (electricity spot market) อย่างไม่มีกำหนดในรัฐนิวเซาท์เวลส์ รัฐควีนส์แลนด์ รัฐเซาท์ออสเตรเลีย รัฐแทสเมเนีย และรัฐวิกตอเรีย เนื่องจากเล็งเห็นว่าไม่สามารถจัดหาพลังงานได้มากพอต่อความต้องการของทุกภาคส่วนเมื่ออากาศเริ่มเย็นลง
แต่อย่างไรก็ตามวิกฤตพลังงานในครั้งนี้ เป็นบทเรียนราคาแพงลิบของทั่วโลก ที่ต้องรีบหาแหล่งพลังงานอื่นขึ้นมาทดแทนก๊าซธรรมชาติให้ได้โดยเร็ว ส่วนประเทศไทยของเรามีวิธีรับมืออยู่เสมอ เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด