รถไฟฟ้า vs รถไฮโดรเจน ศึกนี้คาร์บอนเป็นศูนย์

อับดุลจะเทียบให้ดู แล้วนายจ๋าลองตัดสินใจกันนะจ๊ะ!! ในแง่ความเป็นมิตรกับสิ่งแสดล้อม ทั้งรถพลังงานไฟฟ้า และรถไฮโดรเจน ต่างก็มีข้อดีเดียวกันที่ว่า ไม่ปล่อยไอเสียที่เป็นพิษออกมาแม้แต่น้อย แต่เมื่อมาดูที่ระยะทางที่รถวิ่งได้ เมื่อเทียบกันแล้วรถยนต์ไฮไดรเจนที่ถูกจัดอันดับว่าวิ่งได้ไกลที่สุดคือระยะทาง 660 กิโลเมตร ขณะที่รถไฟฟ้าที่ดีที่สุดของฝั่ง EV เมื่อชาร์จเต็มแล้ว จะวิ่งได้ไกลสุดประมาณ 637 กิโลเมตร

มาที่การเติมพลังงานกันต่อจ้ะ ดูท่าแล้ว EV หน้าจะตอบโจทย์กว่าเนื่องจากรถยนต์ไฮโดรเจนจะมีอัตราการสูบก๊าซเข้าไปในถังเก็บ โดยใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที ส่วนรถ EV ใช้เวลามากถึง 15 นาที ซึ่งจะได้แบตเตอรี่ที่ 60-70 เปอร์เซ็นต์

นี่อับดุลแค่ยกตัวอย่างบางส่วนมาให้พิจารณากันก่อน ซึ่งอับดุลก็ฟันธงให้ไม่ได้จริงๆ จ้ะ ว่าอะไรดีไปกว่ากัน จะมีก็แค่แบบไหนที่ถูกใจเราที่สุดมากกว่านั่นเองจ้ะ แต่ถ้าเอาในแง่ความนิยมในตอนนี้ก็คงต้องยกใหั EV เห็นได้จากฝั่งอเมริกา ที่มีสถานีชาร์จ EV ในที่สาธารณะมากกว่า 46,000 และมีพอร์ตชาร์จสำหรับรายบุคคลมากกว่า 115,000 แห่งทั่วประเทศเลยทีเดียว

กลับมาที่ไทย หากมองในแง่ความสะดวกสบายกว่า รถ EV ก็คงจะตอบโจทย์ได้ตรงจุด เพราะภาครัฐมีมาตรการผลักดันไปใช้รถไฟฟ้าหรือ EV มากขึ้น เป็นการลดภาษีนำเข้าของเครื่องยนต์ ขณะที่ กฟผ. ก็เร่งเปิดสถานีชาร์จให้มากขึ้น โดยปัจจุบัน กฟผ. ลงพื้นที่เปิดที่ชาร์จรถให้กับ EV มากขึ้นเรื่อยๆ กว่า 40 สถานีแล้วจ้านาย และตอนนี้ยังมีการร่วมมือกับ พีทีจี เปิดสถานีอัดปรจุไฟฟ้า EleX by EGAT Max ที่สาขา PT Max Park Salaya เป็นสถานี EleX by EGAT Max สาขาแรกในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าแบบชาร์จเร็ว (DC Fast Charge) ขนาด 125 กิโลวัตต์ (kW) ถึง 4 ช่องจอด นายจ๋าคนไหนที่เดินทางเข้า-ออกกรุงเทพฯบ่อยๆก็สบายเลยจ้างานนี้

กฟผ. เปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า EleX by EGAT Max ไปแล้วจำนวน 17 สถานี และเมื่อสิ้นเดือนกรกฎาคม 65 จะพร้อมเปิดให้บริการสถานีชาร์จ เพิ่มอีก 18 สถานี รวมทั้งสิ้นจำนวน 35 สถานี ครอบคลุมเส้นทางหลักในการเดินทางทั่วประเทศ โดยทุกสถานีเป็นสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบชาร์จเร็วทั้งหมดอีกด้วยนะจ๋านาย โอโห แบบนี้ก็แจ๋วเลยจ้า